วันอาทิตย์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2558

การลดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานในผู้สูงอายุ

Screen-Shot-2558-01-12-at-10.19.34-AM
การลดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานในผู้สูงอายุ
โรคเบาหวานสามารถพบได้ในทุกเพศทุกวัยปัจจุบันอัตราการเกิดโรคเบาหวานเพิ่มมากขึ้นร้อยละ 20 ของผู้ป่วยโรคเบาหวานจะเป็นผู้สูงอายุประมาณ 60 ปีขึ้นไป ผู้สูงอายุจะมีการเสื่อมของตับอ่อนที่ทำหน้าที่ในการผลิตฮอร์โมนอินสุลินที่ใช้ในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้การที่อายุมากขึ้นยังอาจทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินสุลินหรือทำให้ฮอร์โมนอินสุลินออกฤทธิ์ได้น้อยลง  ซึ่งโรคนี้มีความเสี่ยงและมีความอันตรายกับผู้สูงอายุมาก เนื่องจากมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนต่อหลอดเลือด โดยเฉพาะหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง  การป้องกันไม่ให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองตีบตันทำได้โดยการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ระดับความดันโลหิต และระดับไขมันในเลือด โดยการเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงการรับประทานของหวาน อาหารเค็ม และอาหารที่มีไขมันสูง ซึ่งผู้ป่วยเบาหวานที่เป็นผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักจะต้องรับประทานยาลดระดับน้ำตาล ยาลดความดันโลหิตหรือยาลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือดร่วมด้วย
แนวทางการให้บริการเพื่อลดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานในผู้สูงอายุ
1. ผู้รับบริการทุกคนที่เข้าพักในสถานพยาบาลได้รับการตรวจสุขภาพเบื้องต้น (โปรแกรมสำหรับผู้สูงอายุ) โดยได้รับส่วนลด 30 %
โปรแกรมสำหรับผู้สูงอายุ ได้รับการตรวจ (ราคารวม 1800 บาท ) ราคาพิเศษหลังได้รับส่วนลด 1 ,260    บาท/คน
1.  ตรวจร่างกายโดยแพทย์
2. เอ็กซเรย์เพื่อดูสภาพปอดและหัวใจ
3. ตรวจดูความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด
4. ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
5. ตรวจปัสสาวะอย่างสมบูรณ์
6. ตรวจหาน้ำตาลในเลือด
7 ตรวจหาระดับไขมันในเลือดสมบูรณ์แบบ
8. ตรวจการทำงานของไต
9. ตรวจการทำงาานของตับ
10. ตรวจระดับกรดยูริค
2. ดำเนินการในเรื่องการลดภาวะแทรกซ้อนของผู้ป่วยโรคเบาหวานโดยกำหนดให้มีบริการตรวจจอประสาทตา ตรวจการทำงานของไต และตรวจเท้า ( ผู้รับบริการที่พักอาศัยในสถานพยาบาลผู้ป่วยเรื้อรังกล้วยน้ำไท 2 ได้รับบริการฟรี ปีละ1 ครั้ง )
2. มีแนวทางในการดูแลผู้ป่วยเบาหวานอย่างต่อเนื่อง โดยบุคลากรที่มีศักยภาพและทักษะการจัดการและบริการ เพื่อลดภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน
3. กลุ่มเสี่ยงที่มีภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานทุกคนได้รับการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม ทั้งในส่วนของการดูแลตนเอง  การได้รับบริการจากสถานพยาบาล และการดูแลต่อเนื่องระดับตติยภูมิอย่างเหมาะสม
 ติดต่อสอบถามผ่านช่องทางออนไลน์ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วย กล้วยน้ำไท2 ได้ที่นี่

                                                    

การลดภาวะแทรกซ้อนจากโรคความดันโลหิตสูงในผู้สูงอายุ

Screen-Shot-2558-01-12-at-10.16.27-AM

การลดภาวะแทรกซ้อนจากโรคความดันโลหิตสูงในผู้สูงอายุ

ความดันโลหิตสูงนับเป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตผู้คนเป็นจำนวนมาก ในกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงสูงถ้าไม่ได้รับการดูแล หรือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เหมาะสม อาจพัฒนาเป็นความดันโลหิตสูงในอนาคต  เนื่องจากคนที่เป็นความดันโลหิตสูงส่วนใหญ่มักไม่ค่อยแสดงอาการใดๆดังนั้นจึงไม่ค่อยทราบหากไม่ได้รับการตรวจวัดความดันโลหิต  ยกเว้นในรายที่อาการสูงมาก อาจมีอาการปวดตึงท้ายทอย  หรือปวดศีรษะรุนแรง
เนื่องจากคนเป็นความดันโลหิตสูงส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ตัว ดังนั้นโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากความดันโลหิตสูงก็มีมากตามไปด้วยทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายต่อ หัวใจ  ไต  ตา และสมอง และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตได้ ดังนั้นสถานพยาบาลได้ตระหนักถึงจุดนี้จึงได้จัดบริการคัดกรองความดันโลหิตสูงในผู้สูงอายุทุกคน เพื่อการดูแลรักษาที่เหมาะสม

แนวทางการให้บริการเพื่อลดภาวะแทรกซ้อนจากโรคความดันโลหิตสูงในผู้สูงอายุ

1. ผู้รับบริการทุกคนที่เข้าพักในสถานพยาบาลได้รับการตรวจสุขภาพเบื้องต้น (โปรแกรมสำหรับผู้สูงอายุ) โดยได้รับส่วนลด 30 %
โปรแกรมสำหรับผู้สูงอายุ ได้รับการตรวจ ดังนี้ (ราคารวม 1800 บาท ) ราคาพิเศษหลังได้รับส่วนลด 1 ,260    บาท
1.  ตรวจร่างกายโดยแพทย์
2. เอ็กซเรย์เพื่อดูสภาพปอดและหัวใจ
3. ตรวจดูความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด
4. ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
5. ตรวจปัสสาวะอย่างสมบูรณ์
6. ตรวจหาน้ำตาลในเลือด
7 ตรวจหาระดับไขมันในเลือดสมบูรณ์แบบ
8. ตรวจการทำงานของไต
9. ตรวจการทำงาานของตับ
10. ตรวจระดับกรดยูริค
2. มีแนวทางในการดูแลผู้ป่วยความดันโลหิตสูงอย่างต่อเนื่อง โดยบุคลากรที่มีศักยภาพและทักษะการจัดการและบริการ
3. กลุ่มเสี่ยงที่มีภาวะแทรกซ้อนของโรคความดันโลหิตสูงทุกคนได้รับการดูแลสุขภาพ ทั้งในส่วนของการดูแลตนเอง  การได้รับบริการจากสถานพยาบาล และการดูแลต่อเนื่องระดับตติยภูมิอย่างเหมาะสม

 ติดต่อสอบถามผ่านช่องทางออนไลน์ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วย กล้วยน้ำไท2 ได้ที่นี่

วันสำคัญสำหรับผู้สูงอายุ หรือ วันผู้สูงอายุ

Screen-Shot-2558-01-12-at-10.17.38-AM

วันสำคัญสำหรับผู้สูงอายุ หรือ วันผู้สูงอายุ

“วันผู้สูงอายุแห่งชาติ” จัดขึ้นเพื่อร่วมรณรงค์ให้ประชาชนทุกกลุ่มให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุ เห็นถึงคุณค่าและตระหนักถึงความสำคัญกับผู้สูงอายุ ส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้สูงอายุมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆตามศักยภาพของตนเองอย่างมีคุณค่าและมีศักดิ์ศรี ส่งเสริมการเรียนรู้และการเป็นแบบอย่างที่ดีของผู้สูงอายุ
รัฐบาลในสมัยนั้น  พลเอก เปรม  ติณสูลานนท์  ได้ตระหนักถึงความสำคัญของผู้สูงอายุ  และปัญหาต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น  คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่  24  ธันวาคม 2525  อนุมัติให้วันที่ 13 เมษายน ของทุกปี เป็นวันผู้สูงอายุ และได้เลือก  “ ดอกลำดวน” เป็นสัญญลักษณ์ของผู้สูงอายุ
สาเหตุที่เลือกดอกไม้นี้  เนื่องจากดอกลำดวนเป็นพืชยืนต้นที่มีอยู่มากในสวนสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี  เป็นต้นไม้ที่ให้ความร่มเย็น  ลำต้นมีอายุยืน  มีใบเขียวตลอดปี  ให้ร่มเงาดีและออกดอกมีสีนวล  กลิ่นหอม  กลีบแข็งไม่ร่วงง่าย  เหมือนกับผู้ทรงคุณวุฒิ  ที่คงคุณธรรมความดีงาม  ไว้ให้เป็นแบบอย่างแก่ลูกหลานตลอดไป
นอกจากนั้นทางด้านพฤกษศาสตร์  ต้นไม้นี้ยังใช้เป็นยาบำรุงหัวใจได้อีกด้วย  ประการสำคัญ  สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี  ทรงดำริให้จัดสวนนี้ข้ึน  เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีของผู้สูงอายุ
นอกจากที่พักผู้สูงอายุที่สะดวกสบาย ปลอดภัยแล้ว ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุกล้วยน้ำไท 2 เห็นความสำคัญและจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อให้ผู้สูงอายุได้ผ่อนคลาย และเพิ่มความสุขให้กับผู้สูงอายุที่อยู่ในความดูแลของเรา

 ติดต่อสอบถามผ่านช่องทางออนไลน์ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วย กล้วยน้ำไท2 ได้ที่นี่

เรื่องสำคัญระหว่างอาหารกับผู้สูงอายุ

1964942_224482561090737_2145257259_n

อาหารนับเป็นส่วนหนึ่งในปัจจัยสี่ในการดำรงชีวิต และมีส่วนทำให้สุขภาพของคนสมบูรณ์แข็งแรง ถ้ามีการรับประทานไม่ถูกต้องอาจทำให้เป็นโรคได้ ผู้สูงอายุนับว่าเป็นวัยหนึ่งที่พบปัญหาทางโภชนาการและนำไปสู่การเกิดโรค โดยความเปลี่ยนแปลงที่มีผลกระทบต่อภาวะโภชนาการของผู้สูงอายุ แบ่งได้ดังนี้
  1. ความเสื่อมของสภาพร่างกาย ส่งผลต่อการบริโภคอาหารนั้นคือ การเสื่อมของประสาททั้ง 5 ซึ่งได้แก่ สายตาฝ่าฟาง มองเห็นไม่ชัด  หูเริ่มตึง จมูกได้กลิ่นผิดไปจากเดิม ฟันและลิ้นสึกกร่อน หักใช้ฟันปลอมทำให้เคี้ยวกลืนลำบาก ประสาทการรับรสเสื่อมลง ความชอบรสอาหารแตกต่างจากเดิม นอกจากนี้ระบบทางเดินอาหารเปลี่ยนแปลงการดูดซึมสารอาหารน้อยลง มีปัญหาด้านการขับถ่าย ท้องผูกเป็นต้น
  2. ภาวะทางเศรษฐกิจ  เมื่ออายุสูงขึ้นการทำงานลดลงส่งผลต่อรายได้ลดลง จึงต้องพิจารณาใช้เงินอย่างประหยัด การซื้อหาอาหารมารับประทานก็พยายามหาของถูกประกอบกับสายตาไม่ดี และการรับกลิ่นเปลี่ยนไป ส่งผลให้การแยกแยะว่าอาหารที่เก็บไว้นั้นเสียแล้วหรือยัง จึงอาจส่งผลให้ได้วัตถุดิบที่ด้อยทั้งคุณภาพและปริมาณส่งผลต่อภาวะโภชนาการ
  3. สภาวะจิตใจ ผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยที่เคยทำงานในตำแหน่งสูง ๆ เมื่อเกษียณภาระงานและอำนาจก็ลดลง อาจเกิดภาวะหงุดหงิดเสียดายประกอบกับครอบครัวในปัจจุบันมีการแยกกันอยู่ทำให้ผู้สูงอายุต้องอยู่ลำพัง ส่งผลต่อจิตใจและการยอมรับอาหารของผู้สูงอายุได้ เป็นสาเหตุการเกิดปัญหาด้านโภชนาการ
  4. ภาวะโภชนาการเดิมที่เป็นอยู่และบริโภคนิสัย  ก่อนเข้าสู่วัยสูงอายุนั้นพบว่าบางคนมีภาวะโภชนาการที่ไม่ดีมาก่อน เช่น โรคอ้วน โรคไขมันในเลือดสูง ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อเนื่องถึงวัยสูงอายุได้
  5. ความรู้ทางด้านโภชนาการ  ผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยทีให้ความสนใจทางด้านโภชนาการ แหล่งความรู้มีมากมายทั้งที่ถูกต้องและไม่ถูกต้อง หากได้รับความรู้ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะคำบอกเล่าที่ไม่สามารถหาคำตอบได้หรือไม่มีผลการทดลองทางการแพทย์มาสนับสนุน อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปัญหาทางด้านโภชนาการระยะยาว
จากปัญหาที่กล่าวมาเป็นสาเหตุที่ทำให้กระทบถึงภาวะโภชนาการและสุขภาพของผู้สูงอายุ ซึ่งนำมาสู่ความเจ็บป่วย และบั่นทอนสุขภาพ ของผู้สูงอายุในที่สุด
 ติดต่อสอบถามผ่านช่องทางออนไลน์ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วย กล้วยน้ำไท2 ได้ที่นี่

ที่มา    รุจิรา  สัมมะสุต    หลักการปฎิบัติด้านโภชนบำบัด , 2552 

วันเสาร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2558

ทำไมผู้สูงอายุต้องออกกำลังกาย

Screen Shot 2558-01-10 at 3.14.06 PM

ทำไมผู้สูงอายุต้องออกกำลังกาย

ผู้สูงอายุจำเป็นต้องออกกำลังกาย และเลือกออกกำลังกายอย่างถูกต้องเหมาะสมกับร่างกายผู้สูงอายุ
การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ เป็นการออกกำลังกายเพื่อเพิ่ม หรือคงไว้ซึ่งความทนทานของระบบไหลเวียนโลหิตและปอด โดยมีขบวนการใช้ออกซิเจน ในขบวนการเผาผลาญ
พื่อให้เกิดพลังงานสำหรับการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง จึงมีชื่อเรียกการออกกำลังกายชนิดนี้ว่า “AEROBIC EXERCISE”
การเปลี่ยนแปลงในผู้สูงอายุ  หลังอายุ 30 ปีไปแล้ว สมรรถภาพจะค่อย ๆ ลดลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น ผิวหนังจะหยาบกร้านมีรอยย่น มีการเปลี่ยนแปลงของอวัยวะภายใน ของระบบต่าง ๆ
ระบบการเคลื่อนไหว สมรรถภาพลดลง
1.กล้ามเนื้อมีมวลน้อยลง เกลือแร่สะสมลดลง    ทำให้ กล้ามเนื้อยืดหดไม่ดีความแข็งแรงของกล้ามเนื้อลดลง
2.ข้อต่อต่าง ๆ เสื่อมสภาพ ทำให้ เคลื่อนไหวลดความคล่องตัว
3.การตอบสนองของกล้ามเนื้อช้า ทำให้ ความเร็วในการหดตัวลดลง
ระบบการหายใจ “เสื่อมสภาพลง”
ทรวงอกขยายตัวลด,ปอดเสียความยืดหยุ่น,ถุงลมแลกเปลี่ยนแก๊สลดลง ทำให้ ปอดรับออกซิเจนได้น้อยลง
ระบบการไหลเวียนเลือด หัวใจ และหลอดเลือด  “เสื่อม”
กิดเนื้อเยื่ออื่นมาแทรก    ทำให้ การสูบฉีดเลือดของหัวใจจะไม่แข็งแรง ปริมาณเลือดที่ถูกสูบฉีดออกไปลดลง
หลอดเลือดแข็งตัว    ทำให้   แรงดันเลือดสูงขึ้น แต่เลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะลดปริมาณลง
ทางตรงกันข้าม “การออกกำลังกาย” ที่สม่ำเสมอ หนักและนานพอเหมาะ ให้ผลเปลี่ยนแปลงระบบต่าง ๆ เกือบทุกระบบไปในทางที่ดีขึ้น ที่เห็นได้ชัด เช่น
  •  ระบบการเคลื่อนไหว (กระดูก ข้อต่อ กล้ามเนื้อ) จะเป็นไปโดยคล่องตัวดีขึ้น
  •  ระบบการหายใจ ระบบการไหลเวียนเลือด มีการกระจายของหลอดเลือดฝอย ไปสู่อวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการออกกำลังกายและในกล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้ได้รับเลือดหล่อเลี้ยงเพียงพอ ไม่เกิดการขาดเลือดได้ง่าย มีความยืดหยุ่นดีขึ้น
  • ระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้อกลุ่มต่าง ๆ ประสานงานกันได้ดี การเคลื่อนไหวเป็นไปโดยถูกต้องและมีประสิทธิภาพด้านจิตใจ ลดความเคร่งเครียดได้ การออกกำลังกายเป็นประจำ อาจช่วยแก้ไขสภาพผิดปกติทางจิตใจบางอย่าง นอกจากนั้น การออกกำลังกาย  ยังทำให้ร่างกายแข็งแรง มีสมรรถภาพดี จึงทำให้สุขภาพจิตใจดีขึ้นด้วย
ในผู้สูงอายุที่ไม่สามารถออกกำลังกายเองได้ และได้รับการดูแลจาก สถานพยาบาลผู้ป่วยเรื้อรัง กล้วยน้ำไท 2 เรามีทีมนักกายภาพมืออาชีพที่คอยจัดตารางการออกกำลังกาย กายภาพบำบัด ฟื้นฟูเพื่อกระตุ้นการทำงานของอวัยวะในร่างกาย ให้ผู้สูงอายุสามารถกลับมาเดินหรือช่วยเหลือตัวเองให้ได้มากที่สุด
 ติดต่อสอบถามผ่านช่องทางออนไลน์ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วย กล้วยน้ำไท2 ได้ที่นี่

ประโยชน์ของการออกกำลังกายในผู้สูงอายุ

การออกกำลังกายสำหรับผู้สูงอายุ

ประโยชน์ของการออกกำลังกายในผู้สูงอายุ

1. ช่วยลดการเสี่ยงจากการตายก่อนวัยอันสมควร
2. ลดอัตราเสี่ยงต่อการเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ
3. ลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรงมะเร็ง
4. ช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือด ปอด หัวใจทำงานดีขึ้น  เพื่อป้องกันโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูงและช่วยให้ไม่เป็นลมหน้ามืดง่าย
5. ช่วยป้องกันโรคกระดูกผุ ทำให้กระดูกแข็งแรงไม่หักง่าย
6. ทำให้การทรงตัวดีขึ้น รูปร่างดีขึ้น และเดินได้คล่องแคล่ว ไม่หกล้ม
7. เพิ่มความต้านทางโรค และชะลอความชราภาพ
8. ช่วยผ่อนคลายความเครียด ไม่ซึมเศร้า ไม่วิตกกังวล สุขภาพจิตดีขึ้นและนอนหลับสบาย
9. ช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง และอดทนยิ่งขึ้น
10. ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น
11. ช่วยรักษาโรคบางชนิดได้ พบว่าผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง สามารถลดระดับน้ำตาลและไขมันลงได้จากการออกกำลังกาย
12. ควบคุมน้ำหนักตัว
13. ทำให้พลังงานทางเพศดีขึ้น

หลักปฏิบัติในการออกกำลังกายของผู้สูงอายุ

การออกกำลังกายที่นิยมปฏิบัติกันมีอยู่หลายวิธี ได้แก่
1.  กายบริหาร จุดมุ่งหมายคือ เพิ่มประสิทธิภาพของระบบการเคลื่อนไหว ได้แก่ กล้ามเนื้อ (รวมทั้งเอ็นกล้ามเนื้อ) และข้อต่อ (ปลายกระดูก, เยื้อหุ้มข้อ, เอ็นยึดข้อ) ควรปฏิบัติทุกวัน ใช้เวลา 5 ถึง 15 นาที  วิธีทำกายบริหารหลายรูปแบบ เช่น การบริหารแบบหัดพละ การรำมวยจีน การฝึกโยคะ แต่ทุกแบบช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการเคลื่อนไหวได้
2. การฝึกแรงกล้ามเนื้อ สำหรับผู้สูงอายุ ถ้าหากปฏิบัติการบริหาร โดยมีท่าทีใช้แรงกล้ามเนื้อค่อนข้างมากประกอบอยู่ด้วยแล้ว ไม่จำเป็นต้องฝึกแรงกล้ามเนื้อเป็นพิเศษ โดยเฉพาะผู้ที่อายุเกิน 60 ปีขึ้นไป
3. การฝึกความอดทนทั่วไป จำเป็นที่สุด  ทำให้การไหลเวียนเลือดและการหายใจดีขึ้น มีสมรรถภาพทั่วไปดีขึ้น และเป็นการป้องกันโรคหลายชนิด ช่วยฟื้นฟูสภาพ ในผู้ที่เกิดอาการของโรคจากการเสื่อมสภาพขึ้นแล้วด้วย ควรเลือกชนิดที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายและสิ่งแวดล้อม
ระหว่างออกกำลังกาย ควบคุมการหายใจเป็นจังหวะ ห้ามเร่งการหายใจ หมั่นสังเกตความเหนื่อย คือไม่เหนื่อย จนหอบ หายใจไม่ทันให้พัก 10 นาที จะรู้สึกหายเหนื่อยเป็นปกติ ถ้ามีความผิดปกติ เช่น เวียนศีรษะ ควบคุมการเคลื่อนไหวไม่ได้ดี เจ็บหน้าอก หายใจขัด ต้องลดความหนักลง หรือหยุดออกกำลังต่อไป
4. การเล่นกีฬา กีฬาเป็นรูปแบบหนึ่งของการออกกำลังกาย ทีผู้สูงอายุอาจนำมาใช้ฝึกฝนร่างกายได้โยมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ข้อดี
- มีความสนุกสนุก ตื่นเต้น ไม่น่าเบื่อหน่าย
- มีแรงผลักดันที่ทำให้ฝึกซ้อมสม่ำเสมอ
- ได้สังคม
ข้อเสีย
- จัดความหนักเบาได้ยาก บางครั้งอาจหนักเกินไป หรือน้อยเกินไป
- การแข่งขันบางครั้งเพิ่มความเครียดทั้งร่ายกายและจิตใจ
- มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุไดง่ายกว่า
พึงยึดหลักปฏิบัติ  ออกกำลังกายต่อเนื่อง 20 – 30 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน จะทำให้ร่างกายแข็งแรง กระฉับกระเฉง ควรยึดหลัก
-  ออกกำลังกายเพื่อให้เกิดความเพลิดเพลินผ่อนคลาย
-  ควรออกกำลังกายให้ครบทุกส่วน ทุกข้อต่อของร่างกาย
-  ควรออกกำลังกายทั้ง 2 ข้างของร่างกาย ไม่เน้นด้านใดด้านหนึ่ง
-  ควรออกกำลังกายอย่างช้า ๆ ไม่หักโหม
-  ควรออกกำลังกายเป็นประจำให้รู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน
-  ไม่ควรกลั้นหายใจขณะออกกำลังกาย เพราะทำให้ความดันโลหิตสูงทันที
-  หลังการออกกำลังกายอย่างเต็มที่ ไม่ควรหยุดแบบทันที
-  ควรออกกำลังกายต่ออย่างช้า ๆ เป็นเวลาประมาณ 5 – 10 นาที
5. การใช้แรงกายในชีวิตประจำวันและงานอดิเรก การใช้แรงกายในชีวิตประจำวัน หรือการทำงานอดิเรกที่ใช้แรงกาย พอเหมาะ เป็นการฝึกฝนร่างกายได้อย่างดียิ่ง  งานอดิเรกหลายอย่างที่นอกจากให้ประโยชน์ทางสุขภาพ จิตแล้ว ยังให้ผลประโยชน์ด้านการครองชีพด้วย เช่น การทำสวน ซ่อมแซมเครื่องใช้ไม้สอย ฯลฯ ทั้งนี้ต้องปรับให้เข้ากับการฝึกฝนร่างกาย ทั้งในแง่ปริมาณ และส่วนประกอบอื่น ๆ ซึ่งได้แก่ปัจจัยในตัวเอง ปัจจัยนอกตัว และการพักผ่อน
จากข้อเสีย ของการออกกำลังกายในผู้สูงอายุข้อที่ว่า จัดความหนักเบาได้ยาก บางครั้งอาจหนักเกินไป หรือน้อยเกินไปที่ไม่สามารถออกกำลังกายเองได้ ทำให้ สถานพยาบาลผู้ป่วยเรื้อรัง กล้วยน้ำไท 2  คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้สูงอายุและผู้ป่วยเป็นหลัก การออกกำลังกายของผู้สูงอายุและผู้ป่วยจึงต้องอยู่ในความดูแลของนักกายภาพมืออาชีพเพื่อทำกายภาพบำบัด ฟื้นฟูเพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อ ให้ผู้สูงอายุและผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้มากที่สุด

 ติดต่อสอบถามผ่านช่องทางออนไลน์ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วย กล้วยน้ำไท2 ได้ที่นี่

หลักสำคัญของการดูแลผู้สูงอายุ

การดูแลผู้สูงอายุ

หลักสำคัญของการดูแลผู้สูงอายุ

ผู้สูงอายุจะมีการเปลี่ยนแปลงสภาพร่างกาย  การเสื่อมสภาพของโครงสร้างและหน้าที่ของร่างกายที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างช้าๆและต่อเนื่อง  แม้จะมีอายุวัยเดียวกันก็ไม่ได้มีความเหมือนกัน เนื่องจากความสูงอายุ  ซึ่งแต่ละคนจะมีการเปลี่ยนแปลงมากน้อยไม่เท่ากัน  ขึ้นอยู่กับสุขภาพและการใช้ชีวิตในวัยที่ผ่านมา ร่วมกับผู้สูงอายุบางคนมีโรคประจำตัวซึ่งทำให้สมรรถภาพของร่างกายเสื่อมถอยลงไป
สถานพยาบาลผู้ป่วยเรื้อรังกล้วยน้ำไท2 ใช้หลักสำคัญของการดูแลผู้สูงอายุที่ว่า ความสูงอายุในแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกัน   
ให้บริการดูแล รักษาและฟื้นฟู ให้การพยาบาลดูแล กลุ่มผู้สูงอายุที่มีปัญหาสุขภาพซับซ้อน ที่ต้องดูแลใกล้ชิดได้แก่กลุ่มผู้ป่วยเจาะคอ,กลุ่มผู้ป่วยที่ให้อาหารทางสายยาง,แผลกดทับ กลุ่มผู้สูงอายุพักฟื้นก่อนและหลังผ่าตัด กลุ่มผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแลระยะสั้นและระยะยาว ผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
โดยทีมสหวิชาชีพ ประกอบด้วย แพทย์ พยาบาล เภสัชกร นักกายภาพบำบัด นักโภชนากร ที่มีเจตคติที่ดีต่อผู้สูงอายุ  มีความรู้ความเข้าใจในกระบวนการสูงอายุ  ตระหนักในความต้องการของผู้สูงอายุ  พร้อมด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์ในการดูแลผู้สูงอายุ  ให้ความเคารพ และให้เกียรติผู้สูงอายุ รวมทั้งการให้ครอบครัวเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลรักษาผู้สูงอายุด้วย  เพื่อเป้าหมายให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพดี  โดยส่งเสริมให้มีพฤติกรรมสุขภาพที่ดี  ป้องกันการเสื่อมถอยไม่ให้เกิดเร็วกว่าที่ควร  ให้การดูแลรักษาเมื่อเจ็บป่วยและช่วยฟื้นฟูให้กลับคืนสภาพ

ประกอบด้วยการดูแลผู้สูงอายุในด้านสำคัญคือ

-ด้านอาหาร ดูแลให้ได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
-ด้านการเคลื่อนไหวร่างกายและการออกกำลังกาย  ดูแลให้ผู้สูงอายุได้มีการเคลื่อนไหวร่างกายทุกส่วนอยู่เสมอ เช่น

 การเดิน  และการบริหารกล้ามเนื้อและข้อที่สำคัญ

-ด้านการขับถ่าย  ดูแลช่วยเหลือทั้งการปัสสาวะและอุจจาระ  การทำความสะอาด
-ด้านสุขภาพกาย และจิต  ให้ความรัก  ความนับถือ  จัดให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมผู้สูงอายุด้วยกัน
-ด้านสิ่งแวดล้อม ที่จะช่วยเพิ่มสุขภาพกายและสุขภาพจิตของผู้สูงอายุ ห้องพักที่มีแสงแดดส่องถึง สะอาด อากาศถ่ายเทสะดวก ปลอดภัย
สำหรับผู้สูงอายุสุขภาพดี เน้นการบริการสุขภาพที่ส่งเสริมดำรงการมีสุขภาพที่ดี  สำหรับผู้สูงอายุที่ที่มีกลุ่มอาการต่างๆ(syndrome)ที่เป็นผลรวมของกระบวนการชราภาพและปัญหาสุขภาพต่างๆ การบริการจะเน้นที่การควบคุมบรรเทาอาการไม่สุขสบายต่างๆ ดำรงหน้าที่ต่างๆไว้ให้มากที่สุด ทั้งนี้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการมีสุขภาพกาย  จิตสังคมและจิตวิญญาณตามที่ควรจะเป็นในบั้นปลายของชีวิต

 ติดต่อสอบถามผ่านช่องทางออนไลน์ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วย กล้วยน้ำไท2 ได้ที่นี่

ออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงในผู้สูงอายุ

Screen Shot 2558-01-10 at 3.28.08 PM

ออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงในผู้สูงอายุ

การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อจะเป็นการสร้างกล้ามเนื้อทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง ป้องกันโรคปวดหลัง ตัวอย่างการออกกำลังกายสำหรับผู้สูงอายุ

การออกกำลังเพื่อเพิ่มความแข็งแรงระดับที่1

การออกกำลังเพื่อเพิ่มความแข็งแรงระดับที่ 1 ประกอบไปด้วท่าที่ออกอยู่ 4 ท่า ให้คุณออกกำลังในระยะนี้ประมาณ 2 สัปดาห์หรือคุณรู้สึกว่าแข็งแรงจึงเริมออกกำลังเพื่อเพิ่มความแข็งระดับที่2ก่อนและหลังการออกกำลังอย่าลืมการ warm up และ cool down ท่านที่ใช้ออกกำลังกายมีดังนี้

  Squats

ใช้เก้าอี้เป็นอุปกรณ์ในการออกกำลังกาย
ให้ยืนเท้าแยกจากกันกว้างประมาณไหล่ ยกแขนไปข้างหน้า
ย่อตัวลงเหมือนจะนั่งทำอย่างช้าๆ นับ 1-4 อย่างช้าๆ แต่ยังไม่ถึงกับนั่ง
หยุดพัก นับ 1-2 ช้า หลังจากนั้นยืนขึ้นมาอย่างช้าๆ ขาตรง หลังตรง ให้ทำ 10 ครั้ง พัก 2 นาที และทำอีก 10ครั้ง
เป็นการเพิ่มความแข็งแรงของ สะโพก กล้ามเนื้อต้นขา กล้ามเนื้อก้น ก่อนออกกำลังกายจะรู้สึกว่าการลุกขึ้น การขึ้นบันไดจะลำบาก แต่หลังจากออกกำลังกายได้ระยะหนึ่งจะเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น
ข้อควรจำ   หากลุกยืนหรือนั่งลำบาก ก็ใช้มือช่วยประคอง หรืออาจจะใช้หมอนรอง หรืออาจจะย่อลง 4-6 นิ้วสำหรับการลงน้ำหนักที่เท้า ให้ใช้ส้นเท้าเป็นหลัก

 Wall Pushups

เลือกกำแพงที่ไม่มีอะไรแขวน และมีพื้นทีห่างจากผนัง หันหน้าหากำแพง มือยันกำแพงระดับไหล่
โน้มตัวหากำแพงช้า นับ 1-4 พัก นับ 1-2 แล้วดันตัวให้ยืนในท่ายืนตรง ทำทั้งหมด 10 ครั้ง  ข้อสำคัญหลังต้องตรง

Toe Stands

การบริหารท่านี้จะเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อน่อง ข้อเท้า ทำให้การทรงตัวดีขึ้น อาจจะยืนใกล้เคาเตอร์ หรือเก้าอี้ที่มีพนัก ใช้มือจับเพื่อการทรงตัว แขย่งปลายเท้านับ 1-4 แล้วนับ1-4 ยืนกับพื้นท่าปกติ
ทำ 10 ครั้ง

การ ยกกล้าม Biceps Curl

เป็นการบริหารกล้ามเนื้อต้นแขน สำหรับยกของ มือทั้งสองข้างถือดัมเบลล์ หรืออาจจะหาสมุด หรือน้ำขวดก็ได้ นั่งบนเก้าอี้ หลังตรง เท้าวางบนพื้น กางเท้ากว้างเท่ากับไหล่ แขนวางไว้ข้างลำตัว หันมือหาต้นขา นับ2 ค่อยยกน้ำหนักเข้าหาตัว แขนแนบติดลำตัว เมื่อถึงระดับไหล่ให้หยุดพัก นับ1-4 ค่อยๆปล่อยแขนลงในท่าเดิม ทำ 10 ครั้ง แล้วให้ทำซ้ำอีกครั้งหนึ่ง

ขึ้นบัดได Step Ups

ยืนที่พื้น มือจับราวบันได ก้าวเท้าขวาขึ้นบนบัดได มือจับราวเพื่อการทรงตัว เมื่อเริ่มก้าวขึ้นให้นับ1-2 ยกเท้าขึ้นช้าๆวางไว้ข้างเท้าขวา ก้าวเท้าซ้ายลงโดยให้เท้าขวารับน้ำหนัก ตั้งแต่เริ่มก้าวเท้าซ้ายลงจนเท้าจรดพื้นให้นับ 1-4 ข้อสำคัญจุดที่รับน้ำหนักคือส้นเท้า

การออกกำลังกล้ามเนื้อแขน

การออกกำลังนี้จะเพิ่มกำลังของกล้ามเนื้อ แขน กล้ามเนื้อหลัง ไหล่ การบริหารท่านี้จะทำให้ท่านเอื้อมมือหยิบของบนที่สูงได้อย่างสะดวก ท่าเริ่มต้น ยกน้ำหนักดังรูป ตั้งแต่เริ่มยกจนกระทั่งสุดให้นับ 1-2 เมื่อยกได้สูงสุดให้หยุดสักระยะ เริ่มยกลงโดยใช้เวลานับ 1-4 จนกับสู่ท่าเดิม ทำ 10 ครั้ง ทำทั้งหมด 2 เซต ข้อสำคัญ

 บริหารข้อสะโพก

เป็นการบริหารกล้ามเนื้อสะโพก ขา ก้น
การออกกำลังเพื่อเพิ่มความแข็งแรงระดับที่ 3  เมื่อท่านได้บริหารเพื่อเพิ่มความแข็งแรงระดับสองไปแล้ว และมีความแข็งแรงพอก็สมควรเริ่มการออกกำลังกายระดับ 3 แต่อย่าลืม การอบอุ่นร่างกาย และการยืดหยุ่น
 การบริหารกล้ามเนื้อต้นขา Knee Extension
เป็นการบริหารกล้ามเนื้อต้นขา การบริหารท่านี้จะทำให้เข่าแข็งแรงขึ้น ลดอาการปวดข้อเข่า   ให้ใส่น้ำหนักที่ข้อเท้า นั่งบนเก้าอี้ เท้าควรจะอยู่สูงจากพื้น หากเก้าอี้เตี้ยเกินไปให้หาเบาะเสริม เท้ากว้างเท่าไหล่ ยกเท้าขึ้นช้าๆจนเข่าเหยียดตึงใช้เวลานับ 1-2 แล้วค้างไว้  ยกเท้าลงช้าๆใช้เวลานับ 1-4 ให้บริหารข้างละ 10 ครั้งเท่ากับ 1 รอบ ทำทั้งหมด 2 รอบ
 บริหารต้นขาด้านหลัง Knee Curl
ท่านี้เป็นการบริหารกล้ามเนื้อด้านหลังของขา เมื่อร่วมกับการบริหารท่าแรกจะทำให้การขึ้นบันไดดีขึ้น หาน้ำหนักถ่วงที่ข้อเท้าทั้งสองข้าง ยืนแยกเท้ากว้างระดับไหล่ มือจับพนักเก้าอี้เพื่อทรงตัว ยกเท้าขวาข้นจนส้นเท้าติดก้น ใช้เวลานับ 1-2 แล้วค้างไว้สักครู่ ยกเท้าลงช้าๆจนกลับสู่ท่าเดิมโดยใช้เวลานับ 1-4 ให้ทำเท้าข้างละ 10 ครั้งเท่ากับ 1 รอบ ให้ทำทั้งหมด 2 รอบ
บริหารกล้ามเนื้อสะโพก Pelvic Tilt
นอนราบกับพื้น หลัง ก้นวางบนพื้น เท้าวางบนพื้น แขนวางข้างลำตัว เข่างอ การบริหารทำได้โดยยกก้นขึ้นจากพื้นนับ 1-2 ค้างไว ค่อยๆหย่อนก้นติดพื้นโดยใช้เวลานับ 1-4 ทำ 10 ครั้งต่อ 1รอบ ทำ 2 รอบ ข้อที่ต้องกระทำอย่ากลั้นหายใจขณะออกกกำลังกาย อย่ายกหลัง ให้ยกเฉพาะก้นเท่านั้นการบริหารท่านี้จะทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้อง กล้ามเนื้อก้นแข็งแรงขึ้น เมื่อบริหารร่วมกับการบริหารท่าที่ 4จะทำให้กล้ามเนื้อหลังแข็งแรง ช่วยบรรเทาอาการปวดหลัง

การบริหารกล้ามเนื้อหลัง

การบริหารให้นอนคว่ำ มีหมอนหนุนที่บริเวณสะโพก เหยียดแขนซ้ายไปข้างหน้า ส่วนแขนขวาแนบลำตัว ยกแขนซ้ายพร้อมกับยกเท้าขวาขึ้นในระดับเดียวกัน ตั้งแต่เริ่มยกจนถึงจุดสูงสุดให้นับ 1-2  เมื่อถึงจุดสูงสุดให้หยุดพัก ยกใช้เวลาในการยกนับ 1-4  ให้ทำ 10 ครั้งแล้วสลับข้าง พัก 2 นาที แล้วทำรอบ ที่2หากมีอาการปวดหลัง ท่านี้จะช่วยลดอาการปวดหลังเมื่อบริหารร่วมกับท่าที่ 3 ก่อนที่จะบริหารท่านี้ คุณควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวของคุณ
รูปแบบการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ
1.การเดินหรือวิ่งช้าๆ(เหยาะ)นิยมกันทั่วๆไปการเดินลงน้ำหนักที่เท้าเท่าน้ำหนักของผู้เดินแต่การวิ่งน้ำหนักที่ลงที่เท้าจะมากขึ้นกว่าเดิม  ผู้สูงอายุที่ข้อเท้าหรือข้อเข่าไม่ได้ จึงไม่ควรวิ่ง ถ้าข้อเท้า ข้อเข่าไม่ดีมาก ๆ การเดินมากจะเจ็บที่ข้อ ควรเปลี่ยนเป็นการออกกำลังกายชนิดอื่น เช่นเดินในน้ำหรือว่ายน้ำถ้าผู้สูงอายุสถานภาพร่างกายดี ควรเริ่มด้วยการเดินช้า ๆ ก่อนประมาณ 5 นาที แล้วค่อยเพิ่มความเร็วขึ้น
2. การออกกำลังกายโดยวิธีกายบริหาร การออกกำลังกายโดยท่ากายบริหาร นับเป็นวิธีการที่ดี  กายบริหารมีหลายท่าเพื่อก่อให้เกิดการออกกำลังกายทุกสัดส่วนของร่างกาย เป็นการฝึกให้เกิดความอดทน แข็งแรง การทรงตัว การยึดหยุ่นของข้อต่อต่าง ๆ ได้ดี     
3.การออกกำลังกายโดยวิธีว่ายน้ำเดินในน้ำ การว่ายน้ำ ทำให้กล้ามเนื้อทุกส่วนได้มีการเคลื่อนไหว เป็นการฝึกความอดทน ความอ่อนตัว และความคล่องแคล่วว่องไว เหมาะสำหรับผู้ที่ข้อเข่าเสื่อม น้ำหนักไม่ได้ลงเข่าทำให้เข่าไม่มีการเจ็บปวด
4.การออกกำลังกายโดยวิธีขี่จักรยาน การขี่จักรยานเคลื่อนที่ไปตามที่ต่าง ๆ เกิดประโยชน์ทั้งความอดทนการทรงตัว และความคล่องแคล่ว มีความสุขใจ จุดอ่อน ที่ต้องมีเพื่อนเป็นหมู่คณะ จึงจะสนุก และปัจจุบัน หาสถานที่ขี่จักรยานเคลือนที่ปลอดภัย ลำบากมาก บนถนนรถยนต์มากโอกาสเกิดอุบัติเหตุสูงในสวนสาธารณะในกรุงเทพฯส่วนใหญ่ก็ห้ามขี่จักรยาน
ดังนั้น จึงนิยมขี่จักรยานอยู่กับที่ ในที่ส่วนตัวและมีจักรยานที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ การขี่จักรยานอยู่กับที่ มีจุดอ่อนที่ขาดการฝึกการทรงตัว และขาดการฝึกความคล่องแคล่ว และส่วนใหญ่จะใช้กล้ามเนื้อขาในการออกกำลังกาย  คอ  แขน  เอว เกือบไม่ได้ออกกำลังกายเลย ดังนั้นหลังการขี่จักรยานอยู่กับที่ควรมีกายบริหารส่วนช่วงท้องหน้าอกแขนคอด้วยจะสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
5. การรำมวยจีน การรำมวยจีน เป็นการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ได้ทั้งความอดทน ความแข็งแรง ความยึดหยุ่น และฝึกการทรงตัวของร่างกาย ซึ่งเป็นกลวิธีหนึ่งของการส่งเสริม รวมไปถึงการป้องกัน การรักษา การฟื้นฟูสภาพร่างกาย และจิตใจของประชาชน ซึ่งได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มวัยทอง และผู้สูงอายุ

หลักพื้นฐานของการฝึกการรำมวยจีนมี 3 ประการดังนี้ คือ

1. ฝึกกาย (ขบวนท่าต่าง ๆ) การยืนที่ถูกต้อง คือ ก้าวขาซ้ายออกให้กว้างเท่ากับช่วงไหล่ (ช่วงใน) ปลายเท้าทั้งสองต้องตรงเท่ากับช่วงส้นเท้า มองดูคล้ายเลขหนึ่ง และพร้อมที่จะย่อตัวในท่าปักหลักได้ คือ ย่อเข่าลง ลำตัวตั้งตรง ลักษณะเหมือนนั่งเก้าอี้บนเวหา ส่วนมือเมื่อยกขึ้นเคลื่อนไหวไปมา หัวแม่มือทั้งสองต้องกางออกตลอดเวลา แต่นิ้วมืออื่นไม่เหยียดตรงโค้งไปตามธรรมชาติ อุ้งมือเป็นแอ่ง สองมือพร้อมที่จะเคลื่อนไหวอย่างนิ่มนวลเชื่องช้าไปตามจังหวะดนตรีโดยสม่ำเสมอ
2. ฝึกการหายใจ (หายใจเข้า – ออกให้ลึกและยาว) หายใจตามธรรมชาติให้ลึก และยาว หรือวิธีหายใจด้วยท้อง
3. ฝึกจิต (ฝึกการตั้งสมาธิ) ให้มุ่งสมาธิไปทุกส่วนของร่างกาย หรือมุ่งสมาธิไปตามส่วนของร่างกายที่เกิดโรค และผ่อนคลายบริเวณนั้น ๆ การผ่อนคลายร่างกายควรทำตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าการรำมวยจีนจะช่วยรักษาสมดุลยภาพร่างกาย การแพทย์แผนโบราณของจีนถือว่า ภาวะ การดำรงชีวิตตามปกติ เป็นผลจากภาวะสมดุลของจิตใจ และร่างกาย การเสียความสมดุลจะนำโรคภัยมาให้ การฝึกการรำมวยจีน จะทำให้คนเรามีความสมดุลระหว่างจิตใจและร่างกาย
6. การออกกำลังกายโดยวิธีฝึกโยคะ การออกกำลังกายแบบโยคะสำหรับผู้สูงอายุ นายแพทย์ อเนก ยุวจิตติ ผู้สนใจและเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ ยืนยันว่า จากประสบการณ์ของท่านเองได้ปฏิบัติกับตัวเองมานานกว่า 20 ปี ทั้งเคยสอนแนะแก่ผู้ป่วย และผู้คุ้นเคยส่วนใหญ่ เป็นผู้สูงอายุเกิดประโยชน์ ท่านกล่าวว่า”โยคะ เป็นวิชาวิทยาศาสตร์แขนงหนึ่ง มีวัตถุประสงค์ ที่จะทำให้ผู้ปฏิบัติมีสุขภาพดี ทั้งร่างกาย และจิตใจ ทำให้ดำรงชีวิตอยู่ด้วยความสุข โยตะที่ใช้ฝึกออกกำลังกาย เป็นโยคะเบื้องต้น บริหารท่ามือเปล่า ที่มีการหายใจเข้า – ออก ควบคู่ไปด้วยท่าต่างๆ ที่ใช้ฝึกมีหลายท่า” ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เห็นว่า การฝึกโยคะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ผู้ฝึกจำเป็นจะต้องฝึก กับผู้มีความรู้ความชำนาญจริง ๆ จึงจะไม่เกิดอันตราย จึงไม่แนะนำให้ทำการฝึกด้วยตนเอง
7. การออกกำลังโดยวิธีฝึกในสวนสุขภาพ ปัจจุบันนี้ในสวนสาธารณะใหญ่ ๆ หลายแหล่ง มีการจัดแบ่งเป็นสัดส่วนขึ้น เรียกว่า สวนสุขภาพ หรือบางแห่งก็สร้างสวนสุขภาพขึ้นเป็นเอกเทศ เพื่อให้ประชาชนเข้าไปออกกำลังกาย ในสวนสุขภาพเช่นนี้ จะจัดให้มีฐานะฝึกเป็นจุด ๆ เพื่อให้ผู้ออกกำลังกาย ได้ฝึกออกกำลังกายให้ได้ผลในเรื่องความอดทน ความแข็งแรง ความยืดหยุ่น ความทรงตัว ความคล่องแคล่วว่องไว ฯลฯ นับว่าเหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ จุดอ่อนอยู่ที่ว่าการจัดทำสวนสุขภาพเช่นนี้ ยังมีน้อยไม่แพร่หลาย

ข้อแนะนำการออกกำลังกายโดยทั่วไป

- ควรออกกำลังกายที่ใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น แขน ขา ลำตัว
- ควรออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 – 5 วัน
- ควรออกกำลังกายอย่างน้อยครั้งละ 20 – 60 นาที
- ความออกกำลังกายที่มีการพัฒนาความเหนื่อยเพิ่มขึ้นเท่าที่ร่างกายจะรับได้ และหยุดพักเป็นช่วงสั้น ๆ เพื่อให้เกิดอาการวิงเวียนหรือหยุดพัดขณะที่เปลี่ยนท่าหยุดพักเมื่อต้องการ
- ก่อนออกกำลังกายทุกครั้ง ควรอบคุ่นร่างกายและผ่อนคลายร่างกายด้วยการเดินหรือทำท่ากายบริหารอย่างน้อยครั่งละ 5 – 10 นาที เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ
นอกจากการออกกำลังกายด้วยท่ากายบริหารต่าง ๆ แล้ว ผู้สูงอายุอาจเล่นกีฬาชนิดต่าง ๆ กีฬาที่เหมาะสมมีหลายชนิด เช่น เปตอง ได้ประโยชน์จากการออกกำลังกาย ฝึกสมาธิ และได้ความสนุกสนาน, แอโรบิกด๊านซ์ ได้ประโยชน์จากการกระตุ้นการทำงานของ หัวใจ และปอด เป็นต้น
หลักสำคัญของการออกกำลังกาย คือ   ต้องกระทำโดยสม่ำเสมอ การออกกำลังกายเพื่อให้สุขภาพดีขึ้น ไม่ใช่เพียงครั้งสองครั้ง หรือวันสองวัน ต้องทราบขีดจำกัดของตนเอง ร่างกายเป็นเครื่องวัดที่ดี ถ้ารู้สึกเหนื่อย เมื่อย หรือปวดตามกล้ามเนื้อต่าง ๆ ควรหยุด หากไม่แน่ใจควรปรึกษาแพทย์ พยาบาล นักกายภาพบำบัด หรือผู้มีความรู้เพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสม
 ติดต่อสอบถามผ่านช่องทางออนไลน์ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วย กล้วยน้ำไท2 ได้ที่นี่

การดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน

IMG_7227

การดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน

การดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยที่บ้าน สำหรับท่านที่มีเวลาดูแลผู้สูงอายุหรือจ้างผู้ดูแลจากศูนย์ดูแลต่างๆ นั้นสิ่งสำคัญที่ท่านควรรู้เบื้องต้นคือการดูแลที่ถูกต้อง อาทิ การเปลี่ยนสายสวน/เปลี่ยนสายยาง การทำกายภาพบำบัด การใช้ยาตามคำสั่งแพทย์ นอกจากนี้ สภาพแวดล้อม และปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยก็มีความสำคัญเนื่องจากสามารถทำให้ผู้สูงอายุและผู้ป่วยผ่อนคลายความเครียดได้
ในกรณีท่านไม่มีเวลา แนะนำการดูแลด้วยทีมดูแลรักษาสหสาขาวิชาชีพ  หลักสำคัญที่ต้องใช้บริการเนื่องจากความรู้ความสามารถและความชำนาญทำให้ผู้สูงอายุและผู้ป่วยปลอดภัย เรื่องความสะอาดและปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างที่ผู้ดูแลที่ไม่มีความรู้อาจทำให้ผู้สูงอายุและผู้ป่วยไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง
กล้วยน้ำไทโฮมแคร์  เรามีที่พักผ่อนเสมือนบ้าน อุ่นใจมั่นใจด้วยมาตรฐานการดูแลเสมือนอยู่โรงพยาบาลจากทีมสหวิชาชีพแพทย์พยาบาลเภสัชกรนักโภชนากรนักกายภาพบำบัดและวิชาชีพอื่นๆตามปัญหาและความต้องการการดูแลแบบเฉพาะราย ได้รับการตรวจประเมินภาวะสุขภาพอย่างควบคุมตามมาตรฐาน  JCI วิเคราะห์ปัญหาสุขภาพความเสี่ยงต่างๆวางแผนการดูแลรักษาและมีการติดตามอาการประเมินซ้ำตามแผนการรักษาแต่ละวิชาชีพติดต่อเราเพื่อลงทะเบียนเป็นผู้ป่วยกล้วยน้ำไทโฮมแคร์ เพื่อรับบริการด้านสุขภาพดังนี้
  1. การฉีดยาตามแผนรักษาแพทย์
  2. การทำหัตถการเปลี่ยนสายสวน/เปลี่ยนสายยาง
  3. บริการทางด้านกายภาพบำบัด
  4. บริการด้านยา
  5. บริการประเมินสภาพแวดล้อม และปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับผู้สูงอายุ
  6. บริการด้านอาหารเฉพาะโรค/อาหารทางสายยาง
  7. บริการด้านเครื่องมือแพทย์
  8. ให้ความรู้ผู้ป่วยและผู้ดูแลตามความต้องการและความจำเป็นของภาวะสุขภาพ

สนใจสอบถามข้อมูลที่พักโฮมแคร์คลิก

เหตุผลที่ต้องเลือกใช้บริการกล้วยน้ำไท 2 ดูแลผู้ป่วยและผู้สูงอายุ

Screen Shot 2558-01-10 at 3.30.51 PM
โรงพยาบาลกล้วยน้ำไทเปิดให้บริการมากว่า 40 ปี โดยหนึ่งในวิสัยทัศน์คือการมุ่งเน้นเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผู้สูงอายุ โดยแนวคิดเกิดจากอดีตประธานกรรมการบริหาร คุณพูลชัย  ชเนศร์ ที่มองเห็นว่าการดูแล รักษาพยาบาลผู้สูงอายุนั้นความแตกต่างจากวัยอื่นๆ อีกทั้งรูปแบบการให้บริการก็ต้องมีทักษะความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง และการใส่ใจดูแลมากกว่ากลุ่มผู้ป่วยอื่นๆ
ในปี 2535 จึงได้มีการเปิดสถานพยาบาลสำหรับการดูแลผู้สูงอายุโดยเฉพาะ โดยมีรูปแบบบริการที่ครบวงจร ได้แก่ บริการการรักษาพยาบาล ( Treatment unit and Complex Continuing care ) , บริการพักฟื้นก่อน-หลังผ่าตัด ( Transition Care ), การดูแลระยะยาว (Long term stay Program), การดูแลระยะสั้น (Short-term Stay Program), การดูแลแบบรายวัน (Day care Program), บ้านพักผู้สูงอายุ (Assisted Living service) และ การฟื้นฟูทางกายภาพบำบัด และ กิจกรรมบำบัด (Rehabilitation Center)  โดยเฉพาะในส่วนของงานการฟื้นฟู หนึ่งในวิชาชีพที่มีความสำคัญอีกวิชาชีพหนึ่งคือ กิจกรรมบำบัด
แต่เดิมที่กล้วยน้ำไทนั้น งานกิจกรรมบำบัดยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก อีกทั้งแนวทางการจัดกิจกรรม การฟื้นฟู เป็นกิจกรรมที่ยังไม่ได้ใช้แนวทางกิจกรรมบำบัดอย่างเต็มที่ เป็นกิจกรรมที่ยังไม่มีจุดมุ่งหมายชัดเจน
ผู้บริหาร และทีมที่ให้การดูแลรักษาได้เล็งเห็นถึงแนวทางและความจำเป็นในการใช้หลักการทางกิจกรรมบำบัดมาเป็นส่วนสำคัญในการฟื้นฟู จึงกำหนดให้ นักกิจกรรมบำบัดเป็นส่วนหนึ่งของทีมสหวิชาชีพ ที่จะวางแผนการรักษาร่วมกันกับวิชาชีพต่างๆ และบุคคลากร จะต้องเป็นนักกิจกรรมบำบัด ที่สำเร็จการศึกษาวิทยาศาสตร์บัณฑิต สาขากิจกรรมบำบัด
โดยกลุ่มผู้สูงอายุที่รับการฟื้นฟู ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง และ กลุ่มผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม สำหรับโปรแกรมการฟื้นฟู จะมีการวางแผนตามลักษณะกลุ่มอาการของโรค เช่น Hand function ,Perception Cognition หรือ ADL แต่สิ่งที่ต่างจากการฟื้นฟู กับกลุ่มอายุช่วงอื่นคือ สื่อที่ใช้ในการฟื้นฟู แนวทางที่เป็นลักษณะเฉพาะแต่ละบุคคล วิเคราะห์ และออกแบบให้เข้ากับประสบการณ์ชีวิตในอดีต สิ่งเหล่านี้เป็นเกร็ดข้อมูลของผู้สูงอายุ ที่ทีมมักจะมองข้ามไป ดังนั้นแนวทางในการฟื้นฟูผู้สูงอายุ จึงไม่มีแนวทางที่ตายตัว ขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละบุคคล
นอกจากวิธีการรักษาฟื้นฟูที่จำเพาะเจาะจงในผู้สูงอายุแล้ว สิ่งที่จะมองข้ามไม่ได้คือการ first impression approach การเรียกผู้สูงอายุ หรือการใช้สรรพนาม ดูเหมือนจะเป็นสิ่งไม่สำคัญ แต่ความจริงแล้วเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนเป็นอย่างมาก เรามักจะเรียกแทนชื่อด้วยคำว่า คนไข้ คุณตา คุณยาย แต่ความจริงแล้วผู้สูงอายุมักจะรู้สึกดี หรือรู้สึกถึงการได้รับการยอมรับเวลาที่เราทักท่าน …ผู้พันสำราญ ,ผอ.ไพรัตน์ , ศาสตราจารย์ มาลินี หรือชื่อใดก็ตามที่ท่านเคยเป็น และอยากให้เรียก รวมไปถึงกิจกรรมที่ทำ บ่อยครั้งเราไม่สามารถเอากิจกรรมทำดอกไม้ เย็บผ้า หรือบิงโก มาเป็นกิจกรรมแม่แบบกับทุกคนทุกกลุ่มได้  (อดีต)ดอกเตอร์ท่านนี้อาจจะชอบหมากรุก, อดีต ผอ.อาจจะชอบปลูกกล้วยไม้ หรือเลี้ยงกระต่าย
ข้อมูลเหล่านี้ี่นักกิจกรรมบำบัด จะได้จากการประชุมทีมสหวิชาชีพ โดยการประชุมนี้ญาติ และผู้สูงอายุจะเป็นส่วนสำคัญในการให้ข้อมูลวางแผนการรักษา ทั้งนี้เพื่อให้การดูแลรักษาฟื้นฟู มีการวางแผนที่คลอบคลุมองค์รวมอย่างแท้จริง
กิจกรรมบำบัดในผู้สูงอายุนั้น นอกจากนักกิจกรรมบำบัดจะต้องวิเคราะห์ วางแผนการรักษาตามกลุ่มโรคที่ผู้สูงอายุเป็น จะต้องรู้และเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของผู้สูงอายุ วิเคราะห์จากพื้นฐานประสบการณ์ และสิ่งที่ตอบสนองต่อความรู้สึก ความภาคภูมิใจของผู้สูงอายุ บ่อยครั้งการฟื้นฟูอาจต้องมีการคิดต่าง คิดนอกกรอบ การลองผิดลองถูก เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมที่สุดในการฟื้นฟูผู้สูงอายุแต่ละท่าน
ปัจจุบันประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมของผู้สูงอายุ การเปลี่ยนแปลงของสังคมในปัจจุบัน ทำให้ผู้สูงอายุมี lifestyle ที่เปลี่ยนไป ความต้องการที่เปลี่ยนไป นักกิจกรรมบำบัด และผู้ให้บริการสุขภาพจำต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงนั้น แต่ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปแค่ไหน สิ่งที่ผู้ให้บริการสุขภาพจะต้องคำนึง และสิ่งนี้จะไม่มีวันล้าสมัย คือการตระหนักถึงเป้าหมายการดูแลรักษาที่สำคัญที่สุดคือ การคำนึงถึงการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้รับบริการ  :Quality Of Life
 ติดต่อสอบถามผ่านช่องทางออนไลน์ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วย กล้วยน้ำไท2 ได้ที่นี่
อ้างอิงจากหนังสือครบรอบ 35 ปี กิจกรรมบำบัด