วันอาทิตย์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2558

การลดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานในผู้สูงอายุ

Screen-Shot-2558-01-12-at-10.19.34-AM
การลดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานในผู้สูงอายุ
โรคเบาหวานสามารถพบได้ในทุกเพศทุกวัยปัจจุบันอัตราการเกิดโรคเบาหวานเพิ่มมากขึ้นร้อยละ 20 ของผู้ป่วยโรคเบาหวานจะเป็นผู้สูงอายุประมาณ 60 ปีขึ้นไป ผู้สูงอายุจะมีการเสื่อมของตับอ่อนที่ทำหน้าที่ในการผลิตฮอร์โมนอินสุลินที่ใช้ในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้การที่อายุมากขึ้นยังอาจทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินสุลินหรือทำให้ฮอร์โมนอินสุลินออกฤทธิ์ได้น้อยลง  ซึ่งโรคนี้มีความเสี่ยงและมีความอันตรายกับผู้สูงอายุมาก เนื่องจากมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนต่อหลอดเลือด โดยเฉพาะหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง  การป้องกันไม่ให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองตีบตันทำได้โดยการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ระดับความดันโลหิต และระดับไขมันในเลือด โดยการเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงการรับประทานของหวาน อาหารเค็ม และอาหารที่มีไขมันสูง ซึ่งผู้ป่วยเบาหวานที่เป็นผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักจะต้องรับประทานยาลดระดับน้ำตาล ยาลดความดันโลหิตหรือยาลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือดร่วมด้วย
แนวทางการให้บริการเพื่อลดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานในผู้สูงอายุ
1. ผู้รับบริการทุกคนที่เข้าพักในสถานพยาบาลได้รับการตรวจสุขภาพเบื้องต้น (โปรแกรมสำหรับผู้สูงอายุ) โดยได้รับส่วนลด 30 %
โปรแกรมสำหรับผู้สูงอายุ ได้รับการตรวจ (ราคารวม 1800 บาท ) ราคาพิเศษหลังได้รับส่วนลด 1 ,260    บาท/คน
1.  ตรวจร่างกายโดยแพทย์
2. เอ็กซเรย์เพื่อดูสภาพปอดและหัวใจ
3. ตรวจดูความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด
4. ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
5. ตรวจปัสสาวะอย่างสมบูรณ์
6. ตรวจหาน้ำตาลในเลือด
7 ตรวจหาระดับไขมันในเลือดสมบูรณ์แบบ
8. ตรวจการทำงานของไต
9. ตรวจการทำงาานของตับ
10. ตรวจระดับกรดยูริค
2. ดำเนินการในเรื่องการลดภาวะแทรกซ้อนของผู้ป่วยโรคเบาหวานโดยกำหนดให้มีบริการตรวจจอประสาทตา ตรวจการทำงานของไต และตรวจเท้า ( ผู้รับบริการที่พักอาศัยในสถานพยาบาลผู้ป่วยเรื้อรังกล้วยน้ำไท 2 ได้รับบริการฟรี ปีละ1 ครั้ง )
2. มีแนวทางในการดูแลผู้ป่วยเบาหวานอย่างต่อเนื่อง โดยบุคลากรที่มีศักยภาพและทักษะการจัดการและบริการ เพื่อลดภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน
3. กลุ่มเสี่ยงที่มีภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานทุกคนได้รับการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม ทั้งในส่วนของการดูแลตนเอง  การได้รับบริการจากสถานพยาบาล และการดูแลต่อเนื่องระดับตติยภูมิอย่างเหมาะสม
 ติดต่อสอบถามผ่านช่องทางออนไลน์ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วย กล้วยน้ำไท2 ได้ที่นี่

                                                    

การลดภาวะแทรกซ้อนจากโรคความดันโลหิตสูงในผู้สูงอายุ

Screen-Shot-2558-01-12-at-10.16.27-AM

การลดภาวะแทรกซ้อนจากโรคความดันโลหิตสูงในผู้สูงอายุ

ความดันโลหิตสูงนับเป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตผู้คนเป็นจำนวนมาก ในกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงสูงถ้าไม่ได้รับการดูแล หรือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เหมาะสม อาจพัฒนาเป็นความดันโลหิตสูงในอนาคต  เนื่องจากคนที่เป็นความดันโลหิตสูงส่วนใหญ่มักไม่ค่อยแสดงอาการใดๆดังนั้นจึงไม่ค่อยทราบหากไม่ได้รับการตรวจวัดความดันโลหิต  ยกเว้นในรายที่อาการสูงมาก อาจมีอาการปวดตึงท้ายทอย  หรือปวดศีรษะรุนแรง
เนื่องจากคนเป็นความดันโลหิตสูงส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ตัว ดังนั้นโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากความดันโลหิตสูงก็มีมากตามไปด้วยทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายต่อ หัวใจ  ไต  ตา และสมอง และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตได้ ดังนั้นสถานพยาบาลได้ตระหนักถึงจุดนี้จึงได้จัดบริการคัดกรองความดันโลหิตสูงในผู้สูงอายุทุกคน เพื่อการดูแลรักษาที่เหมาะสม

แนวทางการให้บริการเพื่อลดภาวะแทรกซ้อนจากโรคความดันโลหิตสูงในผู้สูงอายุ

1. ผู้รับบริการทุกคนที่เข้าพักในสถานพยาบาลได้รับการตรวจสุขภาพเบื้องต้น (โปรแกรมสำหรับผู้สูงอายุ) โดยได้รับส่วนลด 30 %
โปรแกรมสำหรับผู้สูงอายุ ได้รับการตรวจ ดังนี้ (ราคารวม 1800 บาท ) ราคาพิเศษหลังได้รับส่วนลด 1 ,260    บาท
1.  ตรวจร่างกายโดยแพทย์
2. เอ็กซเรย์เพื่อดูสภาพปอดและหัวใจ
3. ตรวจดูความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด
4. ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
5. ตรวจปัสสาวะอย่างสมบูรณ์
6. ตรวจหาน้ำตาลในเลือด
7 ตรวจหาระดับไขมันในเลือดสมบูรณ์แบบ
8. ตรวจการทำงานของไต
9. ตรวจการทำงาานของตับ
10. ตรวจระดับกรดยูริค
2. มีแนวทางในการดูแลผู้ป่วยความดันโลหิตสูงอย่างต่อเนื่อง โดยบุคลากรที่มีศักยภาพและทักษะการจัดการและบริการ
3. กลุ่มเสี่ยงที่มีภาวะแทรกซ้อนของโรคความดันโลหิตสูงทุกคนได้รับการดูแลสุขภาพ ทั้งในส่วนของการดูแลตนเอง  การได้รับบริการจากสถานพยาบาล และการดูแลต่อเนื่องระดับตติยภูมิอย่างเหมาะสม

 ติดต่อสอบถามผ่านช่องทางออนไลน์ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วย กล้วยน้ำไท2 ได้ที่นี่

วันสำคัญสำหรับผู้สูงอายุ หรือ วันผู้สูงอายุ

Screen-Shot-2558-01-12-at-10.17.38-AM

วันสำคัญสำหรับผู้สูงอายุ หรือ วันผู้สูงอายุ

“วันผู้สูงอายุแห่งชาติ” จัดขึ้นเพื่อร่วมรณรงค์ให้ประชาชนทุกกลุ่มให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุ เห็นถึงคุณค่าและตระหนักถึงความสำคัญกับผู้สูงอายุ ส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้สูงอายุมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆตามศักยภาพของตนเองอย่างมีคุณค่าและมีศักดิ์ศรี ส่งเสริมการเรียนรู้และการเป็นแบบอย่างที่ดีของผู้สูงอายุ
รัฐบาลในสมัยนั้น  พลเอก เปรม  ติณสูลานนท์  ได้ตระหนักถึงความสำคัญของผู้สูงอายุ  และปัญหาต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น  คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่  24  ธันวาคม 2525  อนุมัติให้วันที่ 13 เมษายน ของทุกปี เป็นวันผู้สูงอายุ และได้เลือก  “ ดอกลำดวน” เป็นสัญญลักษณ์ของผู้สูงอายุ
สาเหตุที่เลือกดอกไม้นี้  เนื่องจากดอกลำดวนเป็นพืชยืนต้นที่มีอยู่มากในสวนสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี  เป็นต้นไม้ที่ให้ความร่มเย็น  ลำต้นมีอายุยืน  มีใบเขียวตลอดปี  ให้ร่มเงาดีและออกดอกมีสีนวล  กลิ่นหอม  กลีบแข็งไม่ร่วงง่าย  เหมือนกับผู้ทรงคุณวุฒิ  ที่คงคุณธรรมความดีงาม  ไว้ให้เป็นแบบอย่างแก่ลูกหลานตลอดไป
นอกจากนั้นทางด้านพฤกษศาสตร์  ต้นไม้นี้ยังใช้เป็นยาบำรุงหัวใจได้อีกด้วย  ประการสำคัญ  สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี  ทรงดำริให้จัดสวนนี้ข้ึน  เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีของผู้สูงอายุ
นอกจากที่พักผู้สูงอายุที่สะดวกสบาย ปลอดภัยแล้ว ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุกล้วยน้ำไท 2 เห็นความสำคัญและจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อให้ผู้สูงอายุได้ผ่อนคลาย และเพิ่มความสุขให้กับผู้สูงอายุที่อยู่ในความดูแลของเรา

 ติดต่อสอบถามผ่านช่องทางออนไลน์ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วย กล้วยน้ำไท2 ได้ที่นี่

เรื่องสำคัญระหว่างอาหารกับผู้สูงอายุ

1964942_224482561090737_2145257259_n

อาหารนับเป็นส่วนหนึ่งในปัจจัยสี่ในการดำรงชีวิต และมีส่วนทำให้สุขภาพของคนสมบูรณ์แข็งแรง ถ้ามีการรับประทานไม่ถูกต้องอาจทำให้เป็นโรคได้ ผู้สูงอายุนับว่าเป็นวัยหนึ่งที่พบปัญหาทางโภชนาการและนำไปสู่การเกิดโรค โดยความเปลี่ยนแปลงที่มีผลกระทบต่อภาวะโภชนาการของผู้สูงอายุ แบ่งได้ดังนี้
  1. ความเสื่อมของสภาพร่างกาย ส่งผลต่อการบริโภคอาหารนั้นคือ การเสื่อมของประสาททั้ง 5 ซึ่งได้แก่ สายตาฝ่าฟาง มองเห็นไม่ชัด  หูเริ่มตึง จมูกได้กลิ่นผิดไปจากเดิม ฟันและลิ้นสึกกร่อน หักใช้ฟันปลอมทำให้เคี้ยวกลืนลำบาก ประสาทการรับรสเสื่อมลง ความชอบรสอาหารแตกต่างจากเดิม นอกจากนี้ระบบทางเดินอาหารเปลี่ยนแปลงการดูดซึมสารอาหารน้อยลง มีปัญหาด้านการขับถ่าย ท้องผูกเป็นต้น
  2. ภาวะทางเศรษฐกิจ  เมื่ออายุสูงขึ้นการทำงานลดลงส่งผลต่อรายได้ลดลง จึงต้องพิจารณาใช้เงินอย่างประหยัด การซื้อหาอาหารมารับประทานก็พยายามหาของถูกประกอบกับสายตาไม่ดี และการรับกลิ่นเปลี่ยนไป ส่งผลให้การแยกแยะว่าอาหารที่เก็บไว้นั้นเสียแล้วหรือยัง จึงอาจส่งผลให้ได้วัตถุดิบที่ด้อยทั้งคุณภาพและปริมาณส่งผลต่อภาวะโภชนาการ
  3. สภาวะจิตใจ ผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยที่เคยทำงานในตำแหน่งสูง ๆ เมื่อเกษียณภาระงานและอำนาจก็ลดลง อาจเกิดภาวะหงุดหงิดเสียดายประกอบกับครอบครัวในปัจจุบันมีการแยกกันอยู่ทำให้ผู้สูงอายุต้องอยู่ลำพัง ส่งผลต่อจิตใจและการยอมรับอาหารของผู้สูงอายุได้ เป็นสาเหตุการเกิดปัญหาด้านโภชนาการ
  4. ภาวะโภชนาการเดิมที่เป็นอยู่และบริโภคนิสัย  ก่อนเข้าสู่วัยสูงอายุนั้นพบว่าบางคนมีภาวะโภชนาการที่ไม่ดีมาก่อน เช่น โรคอ้วน โรคไขมันในเลือดสูง ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อเนื่องถึงวัยสูงอายุได้
  5. ความรู้ทางด้านโภชนาการ  ผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยทีให้ความสนใจทางด้านโภชนาการ แหล่งความรู้มีมากมายทั้งที่ถูกต้องและไม่ถูกต้อง หากได้รับความรู้ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะคำบอกเล่าที่ไม่สามารถหาคำตอบได้หรือไม่มีผลการทดลองทางการแพทย์มาสนับสนุน อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปัญหาทางด้านโภชนาการระยะยาว
จากปัญหาที่กล่าวมาเป็นสาเหตุที่ทำให้กระทบถึงภาวะโภชนาการและสุขภาพของผู้สูงอายุ ซึ่งนำมาสู่ความเจ็บป่วย และบั่นทอนสุขภาพ ของผู้สูงอายุในที่สุด
 ติดต่อสอบถามผ่านช่องทางออนไลน์ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วย กล้วยน้ำไท2 ได้ที่นี่

ที่มา    รุจิรา  สัมมะสุต    หลักการปฎิบัติด้านโภชนบำบัด , 2552 

วันเสาร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2558

ทำไมผู้สูงอายุต้องออกกำลังกาย

Screen Shot 2558-01-10 at 3.14.06 PM

ทำไมผู้สูงอายุต้องออกกำลังกาย

ผู้สูงอายุจำเป็นต้องออกกำลังกาย และเลือกออกกำลังกายอย่างถูกต้องเหมาะสมกับร่างกายผู้สูงอายุ
การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ เป็นการออกกำลังกายเพื่อเพิ่ม หรือคงไว้ซึ่งความทนทานของระบบไหลเวียนโลหิตและปอด โดยมีขบวนการใช้ออกซิเจน ในขบวนการเผาผลาญ
พื่อให้เกิดพลังงานสำหรับการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง จึงมีชื่อเรียกการออกกำลังกายชนิดนี้ว่า “AEROBIC EXERCISE”
การเปลี่ยนแปลงในผู้สูงอายุ  หลังอายุ 30 ปีไปแล้ว สมรรถภาพจะค่อย ๆ ลดลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น ผิวหนังจะหยาบกร้านมีรอยย่น มีการเปลี่ยนแปลงของอวัยวะภายใน ของระบบต่าง ๆ
ระบบการเคลื่อนไหว สมรรถภาพลดลง
1.กล้ามเนื้อมีมวลน้อยลง เกลือแร่สะสมลดลง    ทำให้ กล้ามเนื้อยืดหดไม่ดีความแข็งแรงของกล้ามเนื้อลดลง
2.ข้อต่อต่าง ๆ เสื่อมสภาพ ทำให้ เคลื่อนไหวลดความคล่องตัว
3.การตอบสนองของกล้ามเนื้อช้า ทำให้ ความเร็วในการหดตัวลดลง
ระบบการหายใจ “เสื่อมสภาพลง”
ทรวงอกขยายตัวลด,ปอดเสียความยืดหยุ่น,ถุงลมแลกเปลี่ยนแก๊สลดลง ทำให้ ปอดรับออกซิเจนได้น้อยลง
ระบบการไหลเวียนเลือด หัวใจ และหลอดเลือด  “เสื่อม”
กิดเนื้อเยื่ออื่นมาแทรก    ทำให้ การสูบฉีดเลือดของหัวใจจะไม่แข็งแรง ปริมาณเลือดที่ถูกสูบฉีดออกไปลดลง
หลอดเลือดแข็งตัว    ทำให้   แรงดันเลือดสูงขึ้น แต่เลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะลดปริมาณลง
ทางตรงกันข้าม “การออกกำลังกาย” ที่สม่ำเสมอ หนักและนานพอเหมาะ ให้ผลเปลี่ยนแปลงระบบต่าง ๆ เกือบทุกระบบไปในทางที่ดีขึ้น ที่เห็นได้ชัด เช่น
  •  ระบบการเคลื่อนไหว (กระดูก ข้อต่อ กล้ามเนื้อ) จะเป็นไปโดยคล่องตัวดีขึ้น
  •  ระบบการหายใจ ระบบการไหลเวียนเลือด มีการกระจายของหลอดเลือดฝอย ไปสู่อวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการออกกำลังกายและในกล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้ได้รับเลือดหล่อเลี้ยงเพียงพอ ไม่เกิดการขาดเลือดได้ง่าย มีความยืดหยุ่นดีขึ้น
  • ระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้อกลุ่มต่าง ๆ ประสานงานกันได้ดี การเคลื่อนไหวเป็นไปโดยถูกต้องและมีประสิทธิภาพด้านจิตใจ ลดความเคร่งเครียดได้ การออกกำลังกายเป็นประจำ อาจช่วยแก้ไขสภาพผิดปกติทางจิตใจบางอย่าง นอกจากนั้น การออกกำลังกาย  ยังทำให้ร่างกายแข็งแรง มีสมรรถภาพดี จึงทำให้สุขภาพจิตใจดีขึ้นด้วย
ในผู้สูงอายุที่ไม่สามารถออกกำลังกายเองได้ และได้รับการดูแลจาก สถานพยาบาลผู้ป่วยเรื้อรัง กล้วยน้ำไท 2 เรามีทีมนักกายภาพมืออาชีพที่คอยจัดตารางการออกกำลังกาย กายภาพบำบัด ฟื้นฟูเพื่อกระตุ้นการทำงานของอวัยวะในร่างกาย ให้ผู้สูงอายุสามารถกลับมาเดินหรือช่วยเหลือตัวเองให้ได้มากที่สุด
 ติดต่อสอบถามผ่านช่องทางออนไลน์ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วย กล้วยน้ำไท2 ได้ที่นี่

ประโยชน์ของการออกกำลังกายในผู้สูงอายุ

การออกกำลังกายสำหรับผู้สูงอายุ

ประโยชน์ของการออกกำลังกายในผู้สูงอายุ

1. ช่วยลดการเสี่ยงจากการตายก่อนวัยอันสมควร
2. ลดอัตราเสี่ยงต่อการเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ
3. ลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรงมะเร็ง
4. ช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือด ปอด หัวใจทำงานดีขึ้น  เพื่อป้องกันโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูงและช่วยให้ไม่เป็นลมหน้ามืดง่าย
5. ช่วยป้องกันโรคกระดูกผุ ทำให้กระดูกแข็งแรงไม่หักง่าย
6. ทำให้การทรงตัวดีขึ้น รูปร่างดีขึ้น และเดินได้คล่องแคล่ว ไม่หกล้ม
7. เพิ่มความต้านทางโรค และชะลอความชราภาพ
8. ช่วยผ่อนคลายความเครียด ไม่ซึมเศร้า ไม่วิตกกังวล สุขภาพจิตดีขึ้นและนอนหลับสบาย
9. ช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง และอดทนยิ่งขึ้น
10. ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น
11. ช่วยรักษาโรคบางชนิดได้ พบว่าผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง สามารถลดระดับน้ำตาลและไขมันลงได้จากการออกกำลังกาย
12. ควบคุมน้ำหนักตัว
13. ทำให้พลังงานทางเพศดีขึ้น

หลักปฏิบัติในการออกกำลังกายของผู้สูงอายุ

การออกกำลังกายที่นิยมปฏิบัติกันมีอยู่หลายวิธี ได้แก่
1.  กายบริหาร จุดมุ่งหมายคือ เพิ่มประสิทธิภาพของระบบการเคลื่อนไหว ได้แก่ กล้ามเนื้อ (รวมทั้งเอ็นกล้ามเนื้อ) และข้อต่อ (ปลายกระดูก, เยื้อหุ้มข้อ, เอ็นยึดข้อ) ควรปฏิบัติทุกวัน ใช้เวลา 5 ถึง 15 นาที  วิธีทำกายบริหารหลายรูปแบบ เช่น การบริหารแบบหัดพละ การรำมวยจีน การฝึกโยคะ แต่ทุกแบบช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการเคลื่อนไหวได้
2. การฝึกแรงกล้ามเนื้อ สำหรับผู้สูงอายุ ถ้าหากปฏิบัติการบริหาร โดยมีท่าทีใช้แรงกล้ามเนื้อค่อนข้างมากประกอบอยู่ด้วยแล้ว ไม่จำเป็นต้องฝึกแรงกล้ามเนื้อเป็นพิเศษ โดยเฉพาะผู้ที่อายุเกิน 60 ปีขึ้นไป
3. การฝึกความอดทนทั่วไป จำเป็นที่สุด  ทำให้การไหลเวียนเลือดและการหายใจดีขึ้น มีสมรรถภาพทั่วไปดีขึ้น และเป็นการป้องกันโรคหลายชนิด ช่วยฟื้นฟูสภาพ ในผู้ที่เกิดอาการของโรคจากการเสื่อมสภาพขึ้นแล้วด้วย ควรเลือกชนิดที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายและสิ่งแวดล้อม
ระหว่างออกกำลังกาย ควบคุมการหายใจเป็นจังหวะ ห้ามเร่งการหายใจ หมั่นสังเกตความเหนื่อย คือไม่เหนื่อย จนหอบ หายใจไม่ทันให้พัก 10 นาที จะรู้สึกหายเหนื่อยเป็นปกติ ถ้ามีความผิดปกติ เช่น เวียนศีรษะ ควบคุมการเคลื่อนไหวไม่ได้ดี เจ็บหน้าอก หายใจขัด ต้องลดความหนักลง หรือหยุดออกกำลังต่อไป
4. การเล่นกีฬา กีฬาเป็นรูปแบบหนึ่งของการออกกำลังกาย ทีผู้สูงอายุอาจนำมาใช้ฝึกฝนร่างกายได้โยมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ข้อดี
- มีความสนุกสนุก ตื่นเต้น ไม่น่าเบื่อหน่าย
- มีแรงผลักดันที่ทำให้ฝึกซ้อมสม่ำเสมอ
- ได้สังคม
ข้อเสีย
- จัดความหนักเบาได้ยาก บางครั้งอาจหนักเกินไป หรือน้อยเกินไป
- การแข่งขันบางครั้งเพิ่มความเครียดทั้งร่ายกายและจิตใจ
- มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุไดง่ายกว่า
พึงยึดหลักปฏิบัติ  ออกกำลังกายต่อเนื่อง 20 – 30 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน จะทำให้ร่างกายแข็งแรง กระฉับกระเฉง ควรยึดหลัก
-  ออกกำลังกายเพื่อให้เกิดความเพลิดเพลินผ่อนคลาย
-  ควรออกกำลังกายให้ครบทุกส่วน ทุกข้อต่อของร่างกาย
-  ควรออกกำลังกายทั้ง 2 ข้างของร่างกาย ไม่เน้นด้านใดด้านหนึ่ง
-  ควรออกกำลังกายอย่างช้า ๆ ไม่หักโหม
-  ควรออกกำลังกายเป็นประจำให้รู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน
-  ไม่ควรกลั้นหายใจขณะออกกำลังกาย เพราะทำให้ความดันโลหิตสูงทันที
-  หลังการออกกำลังกายอย่างเต็มที่ ไม่ควรหยุดแบบทันที
-  ควรออกกำลังกายต่ออย่างช้า ๆ เป็นเวลาประมาณ 5 – 10 นาที
5. การใช้แรงกายในชีวิตประจำวันและงานอดิเรก การใช้แรงกายในชีวิตประจำวัน หรือการทำงานอดิเรกที่ใช้แรงกาย พอเหมาะ เป็นการฝึกฝนร่างกายได้อย่างดียิ่ง  งานอดิเรกหลายอย่างที่นอกจากให้ประโยชน์ทางสุขภาพ จิตแล้ว ยังให้ผลประโยชน์ด้านการครองชีพด้วย เช่น การทำสวน ซ่อมแซมเครื่องใช้ไม้สอย ฯลฯ ทั้งนี้ต้องปรับให้เข้ากับการฝึกฝนร่างกาย ทั้งในแง่ปริมาณ และส่วนประกอบอื่น ๆ ซึ่งได้แก่ปัจจัยในตัวเอง ปัจจัยนอกตัว และการพักผ่อน
จากข้อเสีย ของการออกกำลังกายในผู้สูงอายุข้อที่ว่า จัดความหนักเบาได้ยาก บางครั้งอาจหนักเกินไป หรือน้อยเกินไปที่ไม่สามารถออกกำลังกายเองได้ ทำให้ สถานพยาบาลผู้ป่วยเรื้อรัง กล้วยน้ำไท 2  คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้สูงอายุและผู้ป่วยเป็นหลัก การออกกำลังกายของผู้สูงอายุและผู้ป่วยจึงต้องอยู่ในความดูแลของนักกายภาพมืออาชีพเพื่อทำกายภาพบำบัด ฟื้นฟูเพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อ ให้ผู้สูงอายุและผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้มากที่สุด

 ติดต่อสอบถามผ่านช่องทางออนไลน์ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วย กล้วยน้ำไท2 ได้ที่นี่

หลักสำคัญของการดูแลผู้สูงอายุ

การดูแลผู้สูงอายุ

หลักสำคัญของการดูแลผู้สูงอายุ

ผู้สูงอายุจะมีการเปลี่ยนแปลงสภาพร่างกาย  การเสื่อมสภาพของโครงสร้างและหน้าที่ของร่างกายที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างช้าๆและต่อเนื่อง  แม้จะมีอายุวัยเดียวกันก็ไม่ได้มีความเหมือนกัน เนื่องจากความสูงอายุ  ซึ่งแต่ละคนจะมีการเปลี่ยนแปลงมากน้อยไม่เท่ากัน  ขึ้นอยู่กับสุขภาพและการใช้ชีวิตในวัยที่ผ่านมา ร่วมกับผู้สูงอายุบางคนมีโรคประจำตัวซึ่งทำให้สมรรถภาพของร่างกายเสื่อมถอยลงไป
สถานพยาบาลผู้ป่วยเรื้อรังกล้วยน้ำไท2 ใช้หลักสำคัญของการดูแลผู้สูงอายุที่ว่า ความสูงอายุในแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกัน   
ให้บริการดูแล รักษาและฟื้นฟู ให้การพยาบาลดูแล กลุ่มผู้สูงอายุที่มีปัญหาสุขภาพซับซ้อน ที่ต้องดูแลใกล้ชิดได้แก่กลุ่มผู้ป่วยเจาะคอ,กลุ่มผู้ป่วยที่ให้อาหารทางสายยาง,แผลกดทับ กลุ่มผู้สูงอายุพักฟื้นก่อนและหลังผ่าตัด กลุ่มผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแลระยะสั้นและระยะยาว ผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
โดยทีมสหวิชาชีพ ประกอบด้วย แพทย์ พยาบาล เภสัชกร นักกายภาพบำบัด นักโภชนากร ที่มีเจตคติที่ดีต่อผู้สูงอายุ  มีความรู้ความเข้าใจในกระบวนการสูงอายุ  ตระหนักในความต้องการของผู้สูงอายุ  พร้อมด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์ในการดูแลผู้สูงอายุ  ให้ความเคารพ และให้เกียรติผู้สูงอายุ รวมทั้งการให้ครอบครัวเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลรักษาผู้สูงอายุด้วย  เพื่อเป้าหมายให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพดี  โดยส่งเสริมให้มีพฤติกรรมสุขภาพที่ดี  ป้องกันการเสื่อมถอยไม่ให้เกิดเร็วกว่าที่ควร  ให้การดูแลรักษาเมื่อเจ็บป่วยและช่วยฟื้นฟูให้กลับคืนสภาพ

ประกอบด้วยการดูแลผู้สูงอายุในด้านสำคัญคือ

-ด้านอาหาร ดูแลให้ได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
-ด้านการเคลื่อนไหวร่างกายและการออกกำลังกาย  ดูแลให้ผู้สูงอายุได้มีการเคลื่อนไหวร่างกายทุกส่วนอยู่เสมอ เช่น

 การเดิน  และการบริหารกล้ามเนื้อและข้อที่สำคัญ

-ด้านการขับถ่าย  ดูแลช่วยเหลือทั้งการปัสสาวะและอุจจาระ  การทำความสะอาด
-ด้านสุขภาพกาย และจิต  ให้ความรัก  ความนับถือ  จัดให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมผู้สูงอายุด้วยกัน
-ด้านสิ่งแวดล้อม ที่จะช่วยเพิ่มสุขภาพกายและสุขภาพจิตของผู้สูงอายุ ห้องพักที่มีแสงแดดส่องถึง สะอาด อากาศถ่ายเทสะดวก ปลอดภัย
สำหรับผู้สูงอายุสุขภาพดี เน้นการบริการสุขภาพที่ส่งเสริมดำรงการมีสุขภาพที่ดี  สำหรับผู้สูงอายุที่ที่มีกลุ่มอาการต่างๆ(syndrome)ที่เป็นผลรวมของกระบวนการชราภาพและปัญหาสุขภาพต่างๆ การบริการจะเน้นที่การควบคุมบรรเทาอาการไม่สุขสบายต่างๆ ดำรงหน้าที่ต่างๆไว้ให้มากที่สุด ทั้งนี้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการมีสุขภาพกาย  จิตสังคมและจิตวิญญาณตามที่ควรจะเป็นในบั้นปลายของชีวิต

 ติดต่อสอบถามผ่านช่องทางออนไลน์ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วย กล้วยน้ำไท2 ได้ที่นี่